เรื่อง แก้วหน้าม้า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่า “ มิถิลา ”
เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์ทรงพระนามว่า “ ภูวดลมงคลราช
” พระองค์มีพระมเหสีทรงพระนามว่า “ พระนางนันทา
” ทั้งสองพระองค์ มีพระโอรสทรงพระนามว่า “ ปิ่นทอง” พระนครเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข
นางแก้วหน้าม้าเป็นธิดาสามัญชนชาวเมืองมิถิลา
เหตุที่นางมีชื่อเช่นนี้เพราะก่อนตั้งครรภ์ผู้เป็นมารดาได้ฝันว่าเทวดานำแก้วมาให้
พอให้กำเนิดบุตรสาวเลยตั้งชื่อว่า “แก้ว”
แต่เนื่องจากใบหน้าเหมือนม้า ชาวบ้านเรียกว่า นางแก้วหน้าม้า
พระปิ่นทองนั้นมีรูปลักษณ์ที่สวยอย่างชายชาตรีและเป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้งโดยจะทำให้พระบิดาและพระมารดาปวดหัวอยู่เสมอ
มีวันหนึ่งพระปิ่นทองได้มาขออนุญาติพระบิดากับพระมารดาออกไปเล่นว่าวที่ทุ่งพระบิดามารดาก็ได้
อนุญาติ
พระปิ่นทองได้ออกมาเล่นว่าวซึ่งลมแรงมาก ว่าวของพระปิ่นทองได้หลุดมือและปลิวไปไกลทำให้ทหารที่มากับพระปิ่นทองวิ่งตามว่าว
ซึ่งนางแก้วหน้าได้เก็บว่าวได้แล้ววิ่งหนี
เมื่อนางเห็นว่าวรูปร่างลักษณะดีก็ตัดสินใจยึดเป็นของตนเองแต่เพียงอึดใจต่อมา
เมื่อเจ้าชายเสด็จมาถึงที่นั้นและได้ยินแก้วพูดก็ทรงโกรธมาก
และคิดว่าหญิงผู้นี้พูดจาโยกโย้น่ารำคาญ
พระองค์เกลียดนางยิ่งนักเมื่อเห็นนางมีใบหน้าที่ประหลาด
แต่ด้วยความที่อยากได้ว่าวของตนคืนจึงแกล้งทำดีกับนางไปอย่างนั้นเองและได้สัญญากับนางว่าจะให้นางเข้าไปอยู่ในวังด้วย
รออยู่หลายวันไม่เห็นพระปิ่นทองมารับ นางแก้วจึงเล่าเรื่องให้พ่อกับแม่ฟัง และขอให้ไปทวงสัญญา เมื่อพ่อแม่ไปทวงสัญญากับพระปิ่น ท้าวภูวดลกริ้วตรัสให้นำตัวไปประหาร แต่พระนางนันทาได้ทัดทานพร้อมเรียกพระโอรสมาสอบถาม พระปิ่นทองยอมรับว่าสัญญาว่าจะให้นางเข้ามาอยู่ในวังเมื่อพระปิ่นทองสัญญาแล้วพระนางนันทาสั่งให้ไปรับตัวนางแก้วมาอยู่ในวัง
ครั้งไม่มีวอทองมารับสมกับตำแหน่งมเหสี
นางแก้วก็ไม่ยอมไป จนในที่สุดนางแก้วได้นั่งในวอทอง พร้อมกับแต่งตัวสวยพริ้ง
พอมาถึงวังหลวง ท้าวภูวดลกับพระปิ่นทองเห็นนางแก้วรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด
กริยามารยาทกระโดกกระเดกก็ทนไม่ได้ คิดหาทางกำจัดนางแก้ว แต่พระนางนันทานึกเอ็นดู
นางแก้วเข้าวังมาไม่นาน ท้าวภูวดลกับพระปิ่นทองหาทางกำจัดนางแก้ว
โดยให้นางแก้วไปยกเขาพระสุเมรุมาไว้ในเมืองภายใน 7 วัน
หากทำไม่สำเร็จจะต้องได้รับโทษประหาร แต่ถ้าทำได้จะจัดพิธีอภิเษกสมรสกับพระปิ่นทอง
นางแก้วออกไปตามป่า
เสี่ยงสัตย์อธิษฐานกับเหล่าทวยเทพว่าหากตนเป็นเนื้อคู่ของพระปิ่นทอง
ขอให้พบเขาพระสุเมรุ เดินทางต่อไปอีกสามวัน
พบพระฤาษีรีบเข้าไปกราบและเล่าเรื่องราวทั้งหมด
พระฤาษีมีใจเมตตาจึงช่วยถอดหน้าม้าออกให้นางแก้วกลายเป็นหญิงที่งดงามโสภา
แล้วเสกหนังสือเป็นเรือเหาะให้ลำหนึ่งพร้อมมอบอีโต้ไว้เป็นอาวุธ
นางแก้วจึงสามารถไปยกเขาพระสุเมรุมาถวายท้าวภูวดลได้สำเร็จ
ท้าวภูวดลพยายามหาหนทางที่จะเลี่ยงคำสัญญาเลยมอบให้พระปิ่นทองเดินทางไปอภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี
ราชธิดาของท้าวพรหมทัต ก่อนเดินทางไป พระปิ่นทองกล่าวว่า
ถ้ากลับมานางยังไม่มีลูกจะถูกประหาร
นางแก้วนั่งเรือเหาะตามพระปิ่นทองไปแล้วถอดหน้าม้าออก
ไปขออาศัยอยู่กับสองตายายในป่า เมื่อพระปิ่นทองผ่านมา
นางแก้วก็ไปอาบน้ำที่ท่า พระปิ่นทองเห็นเข้าเกิดหลงรัก และไปเกี้ยวพาราณสี
จนได้นางแก้วเป็นเมีย
นางแก้วคลอดบุตรชายชื่อว่า
“ปิ่นแก้ว” ก็คิดจะพาลูกกลับไปหาพระปิ่นทอง
โดยได้แวะไปลาพระฤาษี พระฤาษีบอกนางแก้วว่า พระปิ่นทองอยู่ในอันตราย
นางแก้วฝากลูกไว้กับพระฤาษีแล้วแปลงร่างเป็นผู้ชายขึ้นเรือเหาะไปรบกับท้าวพาลราช
เจ้าเมืองยักษ์ จนได้รับชัยชนะ
พระปิ่นทองตามไปงอนง้อนางแก้ว
แต่แก้วก็ยังเล่นตัว จนพระปิ่นทองทำท่าจะเชือดคอตายแก้วจึงยอมถอดหน้าม้า
สร้างยินดีให้กับทุกคน พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก ไม่นานแก้วก็ตั้งครรภ์
ท้าวประกายกรดรู้ข่าวท้าวประกายมาตถูกฆ่าตายก็แค้น คิดจะบุกเมืองมิถิลาท้าวประกายกรดบุกเมืองมิถิลา ประชาชนแตกตื่นกันทั่ว
พระปิ่นแก้วยกทัพไปสู้กับพวกยักษ์แต่สู้ไม่ได้ ต้องถอยร่น
แก้วจำต้องออกไปสู้กับยักษ์ ทั้งๆที่ตั้งครรภ์ แก้วที่ท้องแก่สู้กับท้าวประกายกรด
ถูกท้าวประกายกรดถีบ แก้วเจ็บท้อง คลอดพระธิดาออกมา 3 องค์
ท้าวประกายกรดตกใจมากที่รู้ว่าแก้วเป็นหญิง แก้วใช้ผ้าเปื้อนเลือดฟาดเข้าใส่
ทำให้มนต์ยักษ์เสื่อม ท้าวประกายกรดถูกฆ่าตาย
เมืองมิถิลากลับสู่ความสงบตั้งแต่นั้นมา
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก คนดีไม่ใช่ดูที่รูปร่างหน้าตา แต่ดูที่นิสัย
และจิตใจ